ไทย  | อังกฤษ | ญี่ปุ่น
 


นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับคู่ค้าและคู่สัญญา
(Privacy Policy for Partners)

บริษัท เชียงใหม่รามธุรกิจการแพทย์ จำกัด (มหาชน)

    

ผู้ประกอบกิจการ โรงพยาบาลลานนา โรงพยาบาลลานนา 2 และโรงพยาบาลลานนา 3  เคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของคู่ค้าและคู่สัญญาซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา กรรมการของคู่ค้าและคู่สัญญาที่เป็นนิติบุคคล รวมถึงผู้ปฏิบัติงานและพนักงานของคู่ค้าและคู่สัญญา (รวมเรียกว่า “ท่าน”) และเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าท่านได้รับความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จึงได้จัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ทราบถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผย (รวมเรียกว่า “การประมวลผล”) รวมตลอดถึงการลบและทำลาย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด ดังนี้

นิยาม

บริษัทฯ หมายถึง บริษัท เชียงใหม่รามธุรกิจการแพทย์ จำกัด (มหาชน)

คู่ค้า หมายถึง ผู้ขายสินค้า ผู้รับจ้าง และ/หรือผู้ให้บริการทั้งที่เป็นนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา รวมถึงผู้รับจ้างช่วงของผู้ขายสินค้า

ผู้รับจ้างและ/หรือผู้ให้บริการดังกล่าวของบริษัท เชียงใหม่รามธุรกิจการแพทย์ จำกัด (มหาชน)

คู่สัญญา หมายถึง บริษัทที่ได้มีการทำสัญญาร่วมกับบริษัท เชียงใหม่รามธุรกิจการแพทย์ จำกัด (มหาชน) เพื่อให้บริการลูกค้าร่วมกัน

ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลที่เกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อมแต่ไม่รวมถึงข้อมูลของนิติบุคคล และผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลที่เป็นเรื่องส่วนบุคคลโดยแท้ แต่มีความละเอียดอ่อน และอาจสุ่มเสี่ยงในการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมได้ เช่น เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนา หรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกัน

ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคล ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตามประกาศฉบับนี้หมายถึง บริษัท เชียงใหม่รามธุรกิจการแพทย์ จำกัด (มหาชน)

วิธีการได้รับข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าและคู่สัญญาจาก

  • คู่ค้าหรือคู่สัญญาเป็นผู้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทฯ โดยตรง เช่น การแลกเปลี่ยนนามบัตร การให้ข้อมูลเพื่อการพิจารณาคุณสมบัติ การเข้าทำสัญญา เป็นต้น
  • ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าและคู่สัญญาจากแหล่งอื่น เช่น พันธมิตรทางธุรกิจ บริษัทฯ ในเครือ ลูกค้าหรือตัวแทนซึ่งบริษัทฯ ในเครือเป็นผู้แนะนำ เป็นต้น

หน้าที่ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล


บริษัทฯ มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาทำสัญญาระหว่างกันโดยที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลพ.ศ. 2562 กำหนดให้บริษัทฯ (ซึ่งมีสถานะเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล) ชี้แจงถึงรายละเอียด และวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม เพื่อการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ หรือเปิดเผยได้


วัตถุประสงค์การใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล


บริษัทฯ ทำการใช้ และอาจรวมถึงการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบริษัทฯ ในเครือเพื่อวัตถุประสงค์หลายประการภายใต้ฐานทางกฎหมาย ดังต่อไปนี้

1) ฐานการปฏิบัติตามสัญญา: เพื่อการพิจารณาคัดเลือกคุณสมบัติก่อนการเข้าทำสัญญา การติดต่อประสานงานเกี่ยวกับการปฏิบัติตามสัญญา การเข้าทำสัญญาระหว่างกัน รวมถึงการชำระเงินตามสัญญา และการดำเนินกระบวนการชำระเงินผ่าน Platform ของผู้ให้บริการของบริษัทฯ

2) ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย: เพื่อความจำเป็นในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย เพื่อเป็นหลักฐานในการยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามคำสั่งของศาลหรือตามคำสั่งของหน่วยงานราชการที่มีอำนาจตามกฎหมาย รวมถึงการเปิดเผยหรือรายงานข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่หน่วยงานราชการที่มีอำนาจตามกฎหมาย

3) ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: โดยคำนึงถึงความได้สัดส่วนและความคาดหมายของคู่ค้าและคู่สัญญา โดยประโยชน์ที่ได้มีความสมดุลกับสิทธิขั้นพื้นฐานของคู่ค้าและคู่สัญญาเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

  • เพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบและยืนยันตัวตนเกี่ยวกับการเข้าทำธุรกรรมหรือนิติกรรมสัญญา
  • เพื่อการตรวจสอบจากผู้ถือหุ้นใหญ่ หรือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การสืบสวน สอบสวน ตรวจสอบการขอคำปรึกษา เกี่ยวกับการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการพิสูจน์ในกระบวนการทางกฎหมาย โดยอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าและคู่สัญญาแก่ทนายความ ที่ปรึกษากฎหมายและภาษีอากรผู้ตรวจสอบบัญชี รวมถึงที่ปรึกษาอื่นใดเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว
  • เพื่อการบริหารความเสี่ยง ตรวจสอบและกำกับภายใน และการบริหารจัดการองค์กร รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่ผู้ถือหุ้นหลัก เพื่อการตรวจสอบภายในและป้องกันการกระทำผิด หรือการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย
  • เพื่อการวิเคราะห์ หรือประเมิน ปรับปรุง วางแผน และการคาดการณ์ทางธุรกิจ
  • เพื่อรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคารหรือสถานที่จากการบันทึกภาพด้วยระบบกล้องวงจรปิด (CCTV)

4) ฐานความยินยอม: บริษัทฯ จะดำเนินกิจกรรมตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ เมื่อได้รับความยินยอมจากคู่ค้าหรือคู่สัญญา

  • เพื่อประชาสัมพันธ์เชิญชวนในฐานะคู่ค้าหรือคู่สัญญาของบริษัทฯ ให้สนใจใช้บริการ Platform ของผู้ให้บริการของบริษัทฯ สำหรับเป็นช่องทางในการรับ-ชำระเงิน รวมถึงบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องของผู้ให้บริการของบริษัทฯ
  • เมื่อได้รับความยินยอมตามกฎหมายจากคู่ค้าหรือคู่สัญญา เพื่อเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว ได้แก่ ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลศาสนา รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวอื่นๆที่ปรากฏในบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อการยืนยันตัวตน

ระยะเวลาการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล


บริษัทฯ มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวไว้เป็นระยะเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับข้อมูล
ประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม

1) ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล คำนำหน้าชื่อ เพศ วันเดือนปีเกิด หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน เลขที่หนังสือเดินทาง เลขที่บัตรประจำตัวผู้เสียภาษี ตำแหน่ง สัญชาติ อายุ ประสบการณ์หรือประวัติการทำงาน ความเชี่ยวชาญ ความถนัด รวมถึงข้อมูลที่มีความอ่อนไหว ได้แก่ ศาสนา เชื้อชาติ และข้อมูลสุขภาพ ซึ่งบริษัทฯ ได้รับความยินยอมตามกฎหมายจากคู่ค้าหรือคู่สัญญา หรือมีความจำเป็นตามที่กฎหมายอนุญาตให้ดำเนินการได้

2) ข้อมูลเพื่อการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรศัพท์มือถือ อีเมล

3) ข้อมูลทางการเงินและธุรกิจ เช่น หมายเลขบัญชีเงินฝากธนาคาร ข้อมูลการทำธุรกรรม รายละเอียดราคาและผลิตภัณฑ์

4) ข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานระบบสารสนเทศและเว็บไซต์ต่างๆ ของคู่ค้าหรือคู่สัญญา การบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิด การบันทึกเสียงสนทนาจากการประชุมต่าง ๆ


การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าหรือคู่สัญญา


บริษัทฯ จะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าหรือคู่สัญญาต่อบุคคลภายนอก เว้นแต่ได้แจ้งให้ทราบโดยชอบแล้ว และหรือได้รับความยินยอมจากคู่ค้าหรือคู่สัญญา หรือมีความจำเป็นต้องเปิดเผยหรือรายงานข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าหรือคู่สัญญาตามกฎหมายให้แก่หน่วยงานกำกับดูแล หน่วยงานราชการ และหน่วยงานอื่นๆ ตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจของบริษัทฯกำหนด นอกจากนี้ บริษัทฯ อาจจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าหรือคู่สัญญาให้แก่บุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องตามวัตถุประสงค์ที่ได้ระบุไว้ข้างต้น เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการตรวจสอบบัญชี การขอคำปรึกษาทางกฎหมาย การตรวจสอบ การประเมิน การดำเนินคดี และการดำเนินการอื่นใดที่จำเป็นต่อการประกอบธุรกิจ


การให้ความยินยอมของคู่ค้าหรือคู่สัญญา


บริษัทฯ ต้องแจ้งวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และการขอความยินยอม เป็นข้อความที่เข้าใจได้ง่าย อ่านง่าย และไม่เข้าใจผิดในวัตถุประสงค์ดังกล่าว รวมถึงเจ้าของข้อมูลจะถอนความยินยอมเสียเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิในการถอนความยินยอมโดยกฎหมาย ทั้งนี้การถอนความยินยอมไม่กระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบ


มาตรการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัย


บริษัทฯ กำหนดมาตรการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าหรือคู่สัญญาที่สอดคล้องกับกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ แนวปฏิบัติด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ดูแลข้อมูลถือปฏิบัติ รวมถึงสนับสนุน ส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลข้อมูลมีความตระหนักรู้ถึงหน้าที่ และความรับผิดชอบในการเก็บรวบรวมการใช้ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าหรือคู่สัญญา โดยเจ้าหน้าที่ที่ดูแลข้อมูลผู้มีอำนาจทุกระดับ ต้องปฏิบัติตามแนวทางการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กำหนดไว้ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
สิทธิของคู่ค้าหรือคู่สัญญาที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

1) สิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเสียเมื่อใดก็ได้

2) สิทธิในการขอเข้าถึง และเปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่คู่ค้าหรือคู่สัญญาไม่ได้ให้ความยินยอม

3) สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับคู่ค้าหรือคู่สัญญาเสียเมื่อใดก็ได้

4) สิทธิขอให้บริษัทฯ ลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าหรือคู่สัญญา

5) สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

6) สิทธิร้องขอแก้ไขข้อมูลนั้น ให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

7) สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูล

8) สิทธิร้องเรียนในกรณีมีการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือประกาศที่ออกตามกฎหมายดังกล่าว
ทั้งนี้ คู่ค้าหรือคู่สัญญาสามารถขอใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้นได้ โดยยื่นคำร้องขอใช้สิทธิต่อบริษัทฯ

เป็นลายลักษณ์อักษรตามแบบฟอร์มที่กำหนดให้ ผ่าน “ช่องทางการติดต่อของบริษัทฯ” ด้านล่าง โดยบริษัทฯ จะพิจารณา และแจ้งผลการพิจารณาคำร้องของคู่ค้าหรือคู่สัญญา ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องดังกล่าว


การเปลี่ยนแปลงนโยบาย


บริษัทฯ อาจทำการปรับปรุงหรือแก้ไขนโยบายนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดตามกฎหมายการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานของบริษัทฯ รวมถึงข้อเสนอแนะและความคิดเห็นจากหน่วยงานอื่นโดยจะประกาศการเปลี่ยนแปลงให้ทราบอย่างชัดเจนก่อนจะเริ่มดำเนินการบังคับใช้ต่อไป
ช่องทางการติดต่อของบริษัทฯ


แผนกบุคคล-ธุรการ โรงพยาบาลลานนา
เลขที่ 1 ถนนสุขเกษม ตำบลป่าตัน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50300
เบอร์โทรศัพท์ 052 134 777 ต่อ 3315-3318
เบอร์โทรสาร 052 134 789
อีเมล hrlanna@hotmail.com

นโยบายความเป็นส่วนตัวของคู่ค้าและคู่สัญญา พนักงานฉบับนี้ ประกาศ ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2565

Share

 

        

นโยบายความเป็นส่วนตัว
โรพยาบาลลานนา

ประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว
ของผู้รับบริการ
ประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว
สำหรับพนักงาน
นโยบายความเป็นส่วนตัว
สำหรับคู่ค้าและคู่สัญญา
นโยบายความเป็นส่วนตัว
เกี่ยวกับการใช้กล้องวงจรปิด
นโยบายการใช้คุ๊กกี้
          

           

 
designed by Lanna Hospital